8 เดือนที่แล้ว พวกเรายืนกันใต้ชายคาบ้านหลังเก่าๆ ในหมู่บ้านปลักปลา ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส
ท่ามกลางสภาพบ้านที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยมากนัก
แต่กลับมีรอยยิ้มเล็กๆ ที่ส่งมาให้ด้วยความจริงใจและไร้เดียงสาจากเด็กหญิงคนหนึ่ง
“น้องเมย์” เด็กผู้หญิง ตัวน้อยๆ ผิวคล้ำ หน้าคม ดวงตาเป็นประกาย ดูน่ารักสมวัย
ที่เธอเอาแต่ยิ้ม ไม่พูด…ไม่ตอบ เป็นเพราะน้องเป็นผู้พิการทางการได้ยินและการพูดมาตั้งแต่กำเนิด
ในวันนั้น ผมได้มีโอกาสติดตามไปกับคณะของท่าน ว่าที่ ร.ต.จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอตากใบ ในขณะนั้น (ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดปัตตานี) ไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านตามปกติ โดยมีหมอนอต สาธารณสุขอำเภอตากใบ และ ทีม รพ.สต.โคกยาง เป็นผู้นำพาไป
นายอำเภอท่านเห็นว่าเด็กตัวน้อยๆคนนี้ไม่ควรตกหล่นจากระบบการศึกษา หมอนอต และเจ้าหน้าที่จึงพยายามพูดคุยกับครอบครัว ช่วยกันโน้มน้าว พูดเกลี้ยกล่อมด้วยความเมตตาและความหวัง จนท้ายที่สุด “น้องเมย์” ได้เข้าเรียนที่ศูนย์การศึกษาพิเศษตากใบ ระยะเวลาไม่นานนัก น้องเมย์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เริ่มมีรอยยิ้ม เริ่มรู้จักตอบโต้และเรียนรู้มากขึ้น
พวกเราปลาบปลื้มใจ เสมือนมองเห็นต้นกล้าเล็กๆ ที่เพิ่งได้รับแสงแดดแรกของชีวิต
แต่แล้ว…
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา หนึ่งทุ่มกว่า
เสียงปืนจากคนใจร้ายได้พรากทุกอย่างไป
“น้องเมย์” หรือ เด็กหญิงสสิดา จันทร์คง อายุ 9 ปี
เสียชีวิตในบ้านของตนเอง พร้อมปู่และญาติอีกหนึ่งราย
เธอกลายเป็นเหยื่อของเหตุความไม่สงบจากกลุ่มคนที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก
เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องขอชีวิต เพราะเธอไม่อาจได้ยินแม้แต่เสียงปืนเลยด้วยซ้ำ
เด็กหญิงที่ไม่เคยส่งเสียงพูด… ถูกพรากไปก่อนที่จะมีโอกาสได้พูดคำว่า “ครู” หรือ “แม่”
ภาพถ่ายเมื่อวันนั้น — วันที่เราเคยยืนอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน กลับกลายเป็นภาพความทรงจำสุดท้ายของการพบกัน…ขอไว้อาลัยแด่น้องเมย์ และครอบครัว
ข้อความจากก้นบึ้งของหัวใจของอดีต ผกก.สภ.ตากใบ พ.ต.อ.ศุภชัช (ยีหวังกอง) ณ พัทลุง
